เปิดโผหุ้นเศร้าพาเม่าทัวร์ดอยปี 58 POLAR UWC ACD UPA EVER T AJD RWI FER RICH และท่านคิดว่าหุ้นตัวไหนราคาจะวิ่งกลับมาได้

กระทู้สนทนา
"ประเด็นร้อน" สัปดาห์นี้ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ขอหยิบยก 10 อันดับหุ้นไทยที่พานักลงทุนขึ้นไปเที่ยวยอดดอยสัมผัสความหนาวเหน็บด้านจิตใจ ซึ่งแต่ละรายที่จัดมานำเสนอล้วนแล้วแต่คุ้นหน้าคุ้นตาขาเม่าเป็นอย่างดี***

1.POLAR  นำฝูงมาด้วยหุ้นชื่อใหม่ แต่สไตล์เก่าอย่าง บมจ.โพลาริส แคปปิตัล (POLAR) หรือเดิมก็คือ WAT นั่นเอง แม้จะมีการรวบพาร์จาก 1 บาทเป็น 30 บาท ดันราคาหุ้นจากไม่ถึง10 สตางค์ขึ้นไปที่บาทกว่าๆ  แต่สุดท้ายด้วยพฤติกรรมที่ไม่ชัดเจนในด้านการบริหาร จึงถูกนักลงทุนเทขายอย่างต่อเนื่อง จนราคากลับไปวิ่งอยู่ในระดับเดิมสมัยที่ยังใช้พาร์ 1 บาท งานนี้ผู้ถือหุ้นสูญเสียความมั่งคั่งที่มีในมือไปกว่า 90%               ที่ฮือฮาคงอยู่ที่การพยามจะเพิ่มทุน PP ให้ได้ท่ามกลางเสียงต่อต้านผู้ถือหุ้น เดือดร้อนถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ต้องลงมาสั่งเบรก ด้านผลประกอบการก็ยังไม่ฟื้นอยู่ในวังวนขาดทุน จนล่าสุดขาดทุนสะสมอยู่ที่กว่า 1 พันล้านบาท***

2. UWC  รายต่อมา บมจ.เอื้อวิทยา (UWC) ที่เปลี่ยนธุรกิจจากผู้ผลิตและจำหน่าย เหล็กชุบสังกะสีประเภทเสาโครงเหล็กสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เสาโครงเหล็กโทรคมนาคม เสาโครงเหล็กสถานีไฟฟ้าย่อย งานโครงเหล็กทั่วไป เข้าสู่ธุรกิจพลังงานอย่างเต็มตัว พร้อมไล่ซื้อกิจการอุตลุด รวมถึงออกข่าวเชิงบวกต่อกิจการออกมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้นักลงทุน โดยเฉพาะเหล่าแมงเม่าจ้องกันตาเป็นมัน              ด้านราคาหุ้นเปิดตัวปี 58 ด้วยความตื่นเต้น ตั้งแต่ก่อนแตกพาร์ถึงหลังแตกพาร์ แต่เนื่องจากธุรกิจใหม่ไม่มีความคืบหน้า โดยเลื่อนเป้าหมายการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าไปเรื่อยๆทำให้ความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนลดลง โดนเทกระจาดอย่างต่อเนื่อง ดิ่งลงแล้วลงอีก จากราคากว่า 3 บาท เหลือไม่ถึง 1 บาท จนล่าสุดยังย่ำอยู่ที่ 0.19 บาท เหล่าแมงเม่าทั้งหลายที่ตัดขาดทุนไม่ลงต้องกลายเป็น VI โดยจำยอม***

3. ACD                  บมจ.เอเชีย คอร์ปอเรท ดีเวลลอปเมนท์ (ACD) รายนี้ต้นปีเทรดกันอย่างคึกคัก ลากราคาล่อเม่าเข้าผสมโรงกันอย่างเมามัน จนปรากฏข่าวว่ามี ก๊วนที่ชื่อ“อาจารย์เพชร” ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนที่หากินกับการสร้างราคาหุ้น อยู่เบื้องหลัง ถึงกับวงแตก ราคาหุ้นรูดลงอย่างไม่มีวันหวนกลับจากระดับ 6-7 บาท เหลือแค่ 1 บาท               ถึงแม้ส่วนหนึ่งจะเกิดจากการเพิ่มทุนจนหุ้นไดลูทลงมาค่อนข้างมาก แต่ด้านพื้นฐานก็ปรับเปลี่ยนธุรกิจค่อนข้างบ่อย จากการขายเครื่องเล่นอิเล็กทรอนิกส์ ไปสู่การจัดงานอีเวนต์ จนล่าสุดมาทำอสังหาฯ ซึ่งยังไม่มีโครงการที่สร้างเม็ดเงินได้จริง ทำให้งบยังขาดทุนอย่างต่อเนื่องมา 4 ปีแล้ว***

4. UPA              เคยมีนักวิเคราะห์รายหนึ่ง แอบแซวหลังจากไปดูโรงไฟฟ้าที่เมียนมาร์ของ บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) ว่า นี่มันธุรกิจเครื่องปั่นไฟชัดๆ ไม่ใช่โรงไฟฟ้า             ทั้งนี้ ตั้งแต่เปลี่ยนชื่อ-แซ่ เปลี่ยนธุรกิจ ความคืบหน้าของการขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าไร้ความชัดเจน ใช้เวลาเกือบทั้งปีในการเข้าเทคฯบริษัทชื่อคล้ายกัน  APU เพราะเหตุผลว่าบริษัทดังกล่าวมีโอกาสในการผลิตไฟฟ้าถึง 200 เมกะวัตต์ แต่ความเป็นจริงตอนนี้จ่ายไฟแล้วแค่ 6 เมกะวัตต์เท่านั้น และยังไม่มีทีท่าว่าจะเพิ่มขึ้นได้อย่างไร             งานนี้ผู้ที่ติดดอยมาตั้งแต่คราวเป็น CYBER จนมีเพื่อนร่วมชะตากรรมเข้ามาใหม่หลังเปลี่ยนชื่อ คงต้องรอกันไปอีกไม่รู้นานเท่าไหร่ จนกว่าผลประกอบการจะฟื้นจากขาดทุนหรือมีความชัดเจนในด้านธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะต้อนนี้ลอยลมล้วนๆ  ***


5. EVER               ที่จริงบริษัทนี้ควรจะชื่อ บมจ.เอเวอร์เรสต์ น่าจะเหมาะกว่าชื่อ  บมจ.เอเวอร์แลนด์ (EVER) เพราะต้อนรับลมหนาวในสัปดาห์แรกของปีด้วยการทะยานขึ้นของราคาหุ้นจาก3.04 บาท ไปทำไฮที่ 3.80 บาท แต่คงไม่มีใครคิดแน่ๆ ว่านั่นจะเป็นการขึ้นแบบม้วนดียวจบ เพราะหลังจากนั้นลงต่อเนื่องทั้งปี ไม่ว่าใครจะเข้าไปรับเพราะคิดว่าถูกแล้ว...ผิดหมด !!! ทำนิวโลว์ต่อเนื่องจนเหลือไปเทรดอยู่แถวๆ 0.60 บาท หนาวไหมละคุณ...               ผลประกอบการก็สาละวันเตี้ยลงยังจมอยู่กับวังวนขาดทุน  ธุรกิจก็ไม่แน่นอน ขาดความเชื่อมโยงและจุดยืนทางธุรกิจ เอาหมดทั้งธุรกิจโรงพยาบาล ธุรกิจไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งการต่อยอดธุรกิจอสังหาฯ แต่สุดท้ายไม่มีอันไหนที่พอจะสร้างการฟื้นตัวได้อย่างเป็นรูปธรรม นักลงทุนจึงหนีตายกันจ้าละหวั่น***

6. T               หุ้นตัวเล็กแต่ใจใหญ่ บมจ.ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม (T) ที่หวังจะฟื้นธุรกิจใหม่ด้วยการเข้าซื้อโรงแรมระดับบิ๊กจากอังกฤษ แบรนด์"เมอร์เคียว" หวังใช้ปูทางเข้าสู่ธุรกิจอสังหาฯ สุดท้ายล่มกลางอากาศ โดนมือดีอย่าง บมจ.สิงห์ เอสเตท(S) มาแย่งไปหน้าตาเฉย เรียกว่าฝันสลายกันไปเลย จนวันนี้ก็ยังเมาหมัด อาการยังไม่สู้ดีนัก แม้ผลประกอบการจะเริ่มพลิกมีกำไรแล้ว แต่ราคาหุ้นยังไม่มาตามนัด คงต้องรอการฟื้นตัวของผลประกอบการที่ชัดเจนกว่านี้***

7. AJD               หุ้นพระเอกตัวจริงอย่าง บมจ. คราวน์ เทค แอดวานซ์ (AJD) ถือเป็นรายเดียวในกลุ่มนี้ที่ผลประกอบการยังดี มีกำไรทุกปี แต่ราคาหุ้นถูกลดทอนความน่าเชื่อถือ โดนกระหน่ำขายต่อเนื่องช่วงกลางปี จากนโยบายของฝั่งบริหารที่ขยันออกเครื่องไม้เครื่องมือทางการเงินแปลกๆ ถึงขนาดจะลดพาร์จาก 0.10 บาท เหลือ 0.01 บาท ก่อนจะถูกตลาดหลักทรัพย์ฯสั่งชี้แจงหลายรอบ จนในที่สุดถึงล้มมติไป               จากนั้นก็หาสตอรี่มาเล่นใหม่ ทั้งการเข้าสู่ธุรกิจตู้เติมเงิน หรือการเข้ามาเป็นพันธมิตรของกลุ่ม "อาลีบาบา"  แต่กระทั่งจบปี 58 ก็ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ทั้งเรื่องยอดขายตู้เติมเงิน หรือพันมิตรรายสำคัญ***


8. RWI              บมจ.ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ (RWI) น้องใหม่ไร้บริสุทธิ์ ตั้งแต่เข้าตลาดเมื่อปลายปี 57 โดยราคาหุ้นขึ้นไปสูงสุดถึง 12.80 บาท แต่นั่นคือยอดดอย เพราะหลังจากนั้นราคาดำดิ่งสู่ก้นเหวต่อเนื่อง ทุกวันนี้ยังไม่เคยโงหัวพ้น 2 บาทด้วยซ้ำ             คงจะเป็นอาถรรพ์หุ้นเหล็กก็เป็นได้ เพราะแต่ละรายมักมีความเป็นไปที่ไม่ค่อยสวยนัก ที่แน่ๆ ผลประกอบพลิกขาดทุนไปเรียบร้อย จากก่อนเข้าตลาดยังเติบโตได้ดี ขณะที่ปัจจัยบวกใหม่ๆก็ไม่ค่อยมี งานนี้เม่าที่ติดดอยคงต้องรอกันต่อไป***


9. FER              หากไปดูกราฟของ บมจ.เฟอร์รั่ม (FER) คงต้องบอกว่าไม่สวยงามเอาเสียเลย เพราะร่วงเป็นนกปีกหักตั้งแต่ต้นปี 58 แม้จะมีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ทั้งธุรกิจและชื่อบริษัท แต่ราคาหุ้นและงบการเงิน ทั้งก่อนและหลังเปลี่ยนชื่อ ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง ติดลบทั้งคู่ ธุรกิจพลังงานก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ต้องรอลุ้นกันต่อไปว่าปีใหม่นี้จะมีอะไรกระเตื้องขึ้นมาบ้าง***

10. RICH             ปิดท้ายที่ บมจ.ริช เอเชีย สตีล  (RICH) อีกหนึ่งหุ้นเหล็กที่ผลประกอบการและราคาหุ้นไม่สู้ดีนัก และเช่นเคยกับหุ้นรายอื่นๆ ที่มีความพยายามจะเปลี่ยนธุรกิจ โดยรายนี้สนใจน้ำประปาและพลังงานทางเลือก แต่ก็เป็นแค่ข่าวการศึกษายังไร้ข้อสรุป คงเป็นเหตุผลสำคัญที่ถูกเทขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง***

โครงสร้างธุรกิจไม่ชัด-การให้ข้อมูลไม่เพียงพอ ตัวฉุดราคาหุ้น              นักวิเคราะห์รายหนึ่ง ระบุว่า สาเหตุสำคัญที่หุ้นข้างต้นปรับตัวลดลงมาก ส่วนใหญ่มีจุดร่วมที่คล้ายกันคือ มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางธุรกิจ มีการใช้เครื่องมือทางการเงินของตลาดทุน (แตกพาร์-เพิ่มทุน) รวมไปถึงการให้ข้อมูลต่อนักลงทุนไม่เพียงพอ ซึ่งสร้างความสับสนและลดทอนความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน            

"สังเกตุให้ดีว่าหุ้นที่กล่าวมามีความพยายามเพิ่มทุนทั้งสิ้น บางบริษัทมีการเปลี่ยนธุรกิจ เปลี่ยนโครงสร้าง แต่ไม่มีความชัดเจนที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะพวกที่จะทำโรงไฟฟ้าทั้งหลาย ที่มีแต่โปรเจค แต่ไม่มี PPA เป็นต้น ซึ่งนักลงทุนมักจะตระหนกอยู่แล้วหากเกิดความไม่ชัดเจน โดยควรจะมีการเปิดเผยข้อมูลให้ตรงกับสิ่งที่มีอยู่จริง เพื่อลดความสับสนระหว่างข้อเท็จจริงกับการขายฝัน" นักวิเคราะห์ กล่าว*** เตือนศึกษาข้อมูลให้ชัดหวั่นติดดอย              

ด้าน รณกฤต สารินวงศ์ นักวิเคราะห์ชื่อดังแห่ง บล.คันทรี่กรุ๊ป เจ้าของคอลัมน์ “เด็กแนว” แนะนำให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจ ต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดเพราะส่วนใหญ่เป็นโครงการที่มุ่งหวังอยากจะทำ แต่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ดังนั้นถือว่ามีความเสี่ยง              “ส่วนใหญ่ที่หุ้นเหล่านี้ปรับตัวลดลงมาจากความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการ เพราะเท่าที่ดูยังขาดทุน ขณะที่โครงสร้างธุรกิจไม่ชัดเจน ราคาหุ้นถูกเก็งกำไรเยอะในปีก่อนเพราะเล่นตามข่าวต่างๆที่ออกมา แต่ปรากฏว่าผ่านมา 1 ปี ความชัดเจนก็ยังมีไม่มากนัก จึงถูกเทขายออกมา”                

นักวิเคราะห์อีกราย ซึ่งเชี่ยวชาญหุ้นเก็งกำไร กล่าวว่า "จำไว้ว่าหุ้นที่อยู่ในวิสัยที่เล่นได้ ให้สังเกตุว่ามีนักวิเคราะห์ตามไหม ถ้าไม่มีก็แสดงว่าความน่าสนใจมันต่ำ หลีกเลี่ยงได้จะดีกว่า ซึ่งจากที่ดูหุ้นเหล่านี้ Consensus เป็น 0 หรือไม่มีใครวิเคราะห์เลย ลองคิดดูละกันว่าควรจะเข้าไปยุ่งไหม"***

หาจังหวะคว้าเพชรในตม     "นิก" ชานน รุ่งเรืองไพฑูรย์ เทรดเดอร์รุ่นใหม่ ซึ่งใช้วิธีการลงทุนแบบผสมผสานระหว่างพื้นฐานและเทคนิค ให้ความเห็นว่า โอกาสในตลาดหุ้นมักเกิดในช่วงที่ราคาแย่ โดยให้ดูว่าการปรับโครงสร้างมีความชัดเจนแค่ไหน ผู้บริหารมีความตั้งใจจริงจังหรือไม่ เพราะบางบริษัทกำลังก้าวสู่วัฏจักรที่ดี ต้องมองให้ออก            

"โดยส่วนตัวผมไม่เล่นหุ้นพวกนี้นะ เพราะพื้นฐานไม่มีตัวชี้วัด ขณะที่ทางเทคนิคกราฟก็ไม่น่าสนใจ แต่จากประสบการณ์ผมว่ามันมีโอกาสแฝงอยู่ เข้าเกณฑ์ในการค้นหาหุ้นเทิร์นอะราวด์ ซึ่งหุ้นกลุ่มนี้อาจจะมี 1-2 บริษัทที่กลับมาให้ผลตอบแทนที่ก้าวกระโดดก็ได้            

เวลาเล่นหุ้นแนวนี้ซื้อสัก 5 ตัว หากสำเร็จ 1-2 ตัว ก็น่าจะชนะได้แล้ว เพราะต้องอย่าลืมว่าเวลามันขึ้นก็ขึ้นหลายเด้งเหมือนกัน แต่ต้องมองให้ออก แยกให้ขาด และมั่นคงในสิ่งที่เลือก กลยุทธ์สำคัญคือต้องหาให้ได้ว่าหุ้นนั้นๆ มีปัจจัยหนุนในการฟื้นตัวอย่างเป็นรูปธรรม"    

หุ้นเก็งกำไรที่ราคาปรับตัวลดลงแรงในปี 58 ชื่อหุ้น ราคา ณ 30 ธ.ค.57 ราคา ณ 30 ธ.ค.58 % การเปลี่ยนแปลง

POLAR 1.54 0.10 -93.51
UWC 1.90 0.20 -89.48
ACD 7.00 1.10 -84.28
UPA 5.65 1.18 -79.11
EVER 3.04 0.64 -78.95
T 0.71 0.15 -78.87
AJD 3.93 1.17 -70.23
RWI 6.55 1.96 -70.08
FER 3.18 0.96 -69.81
RICH 1.89 0.59 -68.78

เครดิต efinance



ท่านคิดว่าหุ้นตัวไหนจะสามารถวิ่งกลับมาได้บ้างใน 10 ตัวนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่